• ผลิตภัณฑ์คุณภาพ จากประเทศเยอรมนี

  • สนใจผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วและธุรกิจคาร์แคร์ ติดต่อ

Armor Diamond

ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ ดีไม่ดี ดูยังไง?You are here: Home » Blog » ข้อมูลความรู้ บทความ » ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ ดีไม่ดี ดูยังไง?

ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ ดีไม่ดี ดูยังไง?

บทความปล่อยของแบบรู้แล้วจะเห็นหมดพุงของร้านติดฟิล์มใสกันรอย ต่อเนื่องมาจากเรื่อง องค์ประกอบของฟิล์มใสกันรอย(คลิ๊ก) เนื้อหานี้เราจะมาเจาะลึกเพื่อการเลือกฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และเหมาะกับการใช้งานของเพื่อนๆกันครับ โดยจะมีการทดสอบแต่ละเรื่องให้เพื่อนๆได้เห็นและเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วยว่า “ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ ดีไม่ดี ดูยังไง?”

จากบทความที่แล้ว ถ้าเราตัดชั้น Liner ทั้งหมดออกก็จะเหลือเฉพาะตัวฟิล์มใสกันรอยซึ่งจะเหลืออยู่ 3 ชั้นคือ Top Coat ชั้น Base Film และชั้น Glue (กาว) ซึ่งฟิล์มใสกันรอยที่ดี องค์ประกอบทั้ง 3 ชั้นนี้ต้องดีด้วย ดูอย่างไรมาหาคำตอบกันครับ

 

Top Coat

ชั้นนี้จะทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการปกป้องสีรถยนต์ของเรา ดังนั้น ฟิล์มใสกันรอยคุณภาพดีจะต้องมีคุณสมบัติในชั้นนี้ที่ดีเช่นกัน ซึ่งคุณสมบัติเหล่านั้นจะคล้ายๆกับน้ำยาเคลือบเซรามิกบ้านเราคือการรักษาความสะอาดด้วยตัวเอง (Self Cleaning Effect) แต่จะมีความจัดกว่าเพราะมันหนาถึง 15 ไมครอน หนากว่าเคลือบเซรามิกเยอะ (เคลือบเซรามิกหนาเพียง 1-3 ไมครอน ร้านไหนบอกว่า 20-30 ไมครอน หนีออกมาให้ไว) Top Coat ควรเทียบอะไรบ้าง

 

Hydrophobic (การไล่น้ำ) หรือ Hydrophilic (การรีดน้ำ)

ทั้งการรีดน้ำและการไล่น้ำ คือคุณสมบัติในการเคลียร์คราบน้ำได้ดีทั้งคู่ แค่การไล่น้ำอาจดูตื่นเต้นกว่า เพราะน้ำจะเป็นเม็ดกลมไม่ติดสีรถเลย แต่ด้านบนอาจเป็นเม็ดกลมวางอยู่บนชิ้นงาน ส่วนการรีดน้ำคือการทำให้องศาไล่น้ำแคบมากที่สุดเพื่อรีดให้น้ำออกไปเป็นแพ ซึ่งจากประสบการณ์ของผู้เขียนยังไม่เห็นคุณสมบัติการรีดน้ำบนฟิล์มกันรอยแบบชัดเจน แต่จะเป็นการไล่น้ำ และแบบไม่ไล่น้ำไปเลย การที่ไม่ไล่น้ำจะมีลักษณะที่เป็นเม็ดไม่ค่อยกลม แต่จะไม่ดูดน้ำให้เรียบแล้วผลักน้ำออกไป

 

Oleophobic Excellent (ต่อต้านมลภาวะได้ดี) หรือ Normal (ธรรมดา)

คุณสมบัตินี้ค่อนข้างสำคัญในการต่อต้านมลภาวะ ยกตัวอย่างถ้าเราเจอคราบมลภาวะบนฟิล์ม แล้วคุณบัติต่อต้านมลภาวะเราดีเยี่ยมเราสามารถใช้ผ้าชุบน้ำก็ออกแล้ว แต่ถ้าเป็นแบบทั่วไปปกติอาจต้องใช้แอลกอฮอลเช็ด หรือถ้าไม่มีอาจเช็ดไม่ออกเลย จากรูปเราทดสอบโดยการใช้มาร์กเกอร์ในการเขียน

 

Heat Healing (ฟื้นฟู้ริ้วรอยโดยความร้อน) หรือ Instant Healing (ฟื้นฟูริ้วรอยโดยไม่ต้องใช้ความร้อน)

คุณสมบัตินี้ หลายคนเข้าใจว่ามันเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วไม่เหมือน เพราะหลายคนเข้าใจว่าต้องใช้ความร้อนในการฟื้นฟูริ้วรอยบนชั้นฟิล์มกันรอยเท่านั้น แต่จริงๆแล้วมันมีเทคโนโลยีที่ไม่ต้องใช้ความร้อน ริ้วรอยก็หายเองได้แล้วครับ

 

Base Film

ตัวนี้ล่ะ หัวใจในเรื่องความสวยงามเลย ในเนื้อหานี้ เราจะลองเทียบเฉพาะฟิล์มใสกันรอยประเภท TPU ก็พอนะครับ จะได้ไม่ยืดเยื้อเกินไป ความแตกต่างของเนื้อฟิล์มกันรอยแต่ละเกรดจะมีอะไรบ้าง มาชมกันครับ

เห็นภาพแบบนี้น่าจะชัดเจนว่าความบริสุทธ์ของเนื้อฟิล์มมีผลต่อความใส และมีผลต่อความสวยอย่างไรเมื่อเราติดตั้งฟิล์มใสกันรอยเข้าไปแล้ว ซึ่ง Base Film นั้นมีหลายเกรด หลายที่มา หลายประเทศ รายละเอียดวัตถุดิบฟิล์มใสกันรอยรถยนต์(คลิ๊ก)

 

การคืนตัวหลังยืดฟิล์ม

เรามักจะเข้าใจว่าฟิล์มใสกันรอย TPU นั้นมีคุณสมบัติการยืดตัวได้สูงและคืนตัวได้เร็วเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ ว่าฟิล์มใสกันรอยที่คืนตัวได้ดีจะหมายถึงการกลับมาแบบที่แทบจะสมบูรณ์

 

ความหนา

ที่ผู้เขียนนำเรื่องความหนาของฟิล์มใสกันรอยมาไว้ท้ายๆแบบนี้ จุดประสงค์เพื่อให้เพื่อนๆได้เห็นว่า ความหนาเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งที่จะบอกว่าฟิล์มใสกันรอยนั้นดีหรือไม่ดีอย่างไร หมายความว่า ถ้าจะเทียบเรื่องความหนาของฟิล์ม องค์ประกอบอื่นๆข้างต้น หรือท้ายจากนี้ ต้องเหมือนกันด้วย ถึงจะบอกได้ว่า ฟิล์มที่หนากว่านั้นดีกว่าจริงๆ (ฟิล์มกันรอยหนากว่าจะดีกว่าจริงหรือไม่ คลิ๊ก) ดังนั้น ความหนามีผลดีในเรื่องการรับแรงกระแทก ความยืดหยุ่นและจุดตึงขาดมากขึ้น แต่จะต้องอยู่ในองค์ประกอบที่ครบถ้วนเหมือนกัน

Glue(กาว)

ชั้นกาวก็มีผลในเรื่องประสิทธิภาพของฟิล์มใสกันรอยเช่นเดียวกันครับ อาจไม่มีผลในเรื่องการปกป้องสีรถโดยตรง แต่มีผลในเรื่องการติดตั้งด้านคุณภาพของกาว และต่อตำหนิฟิล์มหากชั้นกาวที่ติดอยู่ใต้ฟิล์มใสกันรอยไม่เต็มแผ่นจริง อาจดูเหมือนมีตำหนิในฟิล์มกันรอย ซึ่งคุณภาพของฟิล์มกันรอยจะขึ้นอยู่ที่เกรดของกาว และเทคโนโลยีเครื่องจักรในการผลิตนั้นจะมีผลต่อความทั่วถึงของกาว

จากข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดเชื่อว่าเพื่อนๆจะได้ความรู้ในการเลือกฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ที่ได้คุณภาพตามที่เสียเงินไปแล้วระดับหนึ่งนะครับ สิ่งที่จะต้องหาข้อมูลความรู้เพิ่มเติมจะเหลือเพียงเรื่องแบบฟิล์ม และเทคนิคฝีมือในการติดตั้ง แล้วนำไปเปรียบเทียบกับราคาก็จะได้ความคุ้มค่าที่สุดแน่นอน

 

ARMOR คือ ผู้วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ และจำหน่าย สินค้าด้านการเคลือบปกป้องพื้นผิวของวัสดุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อปกป้องพื้นผิวสีของรถยนต์ รวมทั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าประเภทดูแลรถ อุปกรณ์คาร์แคร์ ที่มีคุณภาพมาตรฐาน