จากหลายๆ ตอนก่อนหน้าที่เราได้มาอธิบายเกี่ยวเรื่องของ เคลือบแก้ว และ น้ำยาเคลือบแก้ว ให้ได้เข้าใจกัน ซึ่งเน้นไปในเรื่องของปฏิกิริยา และ ประสิทธิภาพ ซึ่งมันมีให้เราได้มากกว่าแค่เรื่องของความเงามัน ฉ่ำเยิ้ม และทำให้รถดูมีสีสวยสดใส อย่างไรก็ตาม หากไม่กล่าวถึงเรื่องของ สิ่งที่นำมาใช้ผลิต เพื่อให้ได้คุณสมบัติต่างๆ และประสิทธิภาพที่เกิดขึ้น ก็ดูเหมือนจะไม่ครบถ้วน ดังนั้นเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้น เรามาดูก้นถึงเรื่อง ส่วนผสมน้ำยาเคลือบแก้ว ว่าในนั้นมันมีอะไรอยู่บ้าง จึงทำให้เกิดความสามารถในการปกป้องดูแลรถของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
น้ำยาเคลือบแก้ว คืออะไร…
น้ำยาเคลือบแก้ว
“น้ำยาเคลือบแก้ว” หรือ Glass Coating (หรือบางทีก็มีบางคนเอาไปเรียกว่า Crystal Coating ซึ่งเราจะเอาไว้อธิบายในคราวต่อๆ ไป ถึงเหตุผลที่มาที่ไปของการเรียกที่แตกต่าง และในความเป็นจริงมันเหมือนหรือแตกต่างกันแบบไหน) คือ สารที่เป็นของเหลวที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อนำไปใช้เคลือบพื้นผิวได้หลากหลายชนิด แต่เป็นที่นิยมกันมากในการนำมาใช้กับการดูแลรถยนต์ หรือ แม้แต่มอเตอร์ไซค์ปัจจุบันก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งเมื่อเคลือบน้ำยาชนิดนี้ลงไปแล้ว มันมีประสิทธิภาพที่สามารถเพิ่มความเงางาม ความลื่นที่พื้นผิวและความแข็ง ให้กับผิวของวัสดุที่ถูกเคลือบได้ โดยทั่วไปเราจะเห็นหรือรู้จักการ เคลือบพื้นผิวด้วย น้ำยาเคลือบแก้ว แบบนี้ในงานด้านการดูแลพื้นผิวของสีรถยนต์ ซึ่ง น้ำยาเคลือบแก้ว นั้นก็คือ สารเคลือบแข็งที่ถูกทำละลายให้อยู่ในสภาพของเหลวที่ใสไม่มีสี และเมื่อนำมาใช้งานเคลือบบนพื้นผิวของรถยนต์แล้ว เมื่อแห้งและเซ็ตตัวแข็งเคลือบอยู่บนสีของรถยนต์แล้ว ก็จะเกิดความเงางาม ความแข็งและความลื่น อย่างที่เห็นการทดสอบกัน แต่อย่างไรก็ตามทราบหรือไม่ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ น้ำยาเคลือบแก้ว มีคุณสมบัติเช่นนั้น…
อะไรอยู่ในน้ำยาเคลือบแก้ว…
ส่วนผสมน้ำยาเคลือบแก้ว
ส่วนผสมในการผลิต น้ำยาเคลือบแก้ว โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเจ้าไหนยี่ห้อไหน ที่เรียกกันว่าเป็น “เคลือบแก้วแท้” จะมีสารตั้งต้นที่เป็นหลักสำคัญอยู่ 2 ชนิด ด้วยกัน ก็คือ
- ซิลิกา (หรือ silicon dioxide : SiO2 เป็นสารประกอบออกไซด์จากธรรมชาติพบในรูปของแร่ควอตช์และทราย)
- ไทเทเนียม (หรือ Titanium dioxide : Tio2 เป็นสารประกอบออกไซด์ของโลหะไทเทเนียม)
ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้จะมีคุณสมบัติหลักและเป็นเหตุผลสำคัญที่ถูกคัดเลือกเอามาเป็น ส่วนผสมน้ำยาเคลือบแก้ว เหมือนๆ กัน ก็คือ มันเป็นสารที่สามารถทำให้เกิดคุณสมบัติด้าน ความแข็ง และ ความมันวาว ซึ่งเป็นที่มาหรือสาเหตุหลักที่ทำให้รถหรือวัสดุที่ผ่านการเคลือบพื้นผิวด้วย น้ำยาเคลือบแก้ว มีทั้งความสวยงาม มันวาว และเกิดชั้นฟิล์มแข็งที่ผิว ทำให้พื้นผิวที่ถูกเคลือบเอาไว้ได้รับการปกป้องไม่ทำให้เกิดรอยได้ง่ายเหมือนกับรถทั่วไปที่ไม่ได้ผ่านการเคลือบดูแลด้วยวิธีนี้
แต่นอกเหนือจากสาร 2 ชนิดนี้ ที่เป็น ส่วนผสมน้ำยาเคลือบแก้ว ที่เป็นหลักแล้ว ผู้ผลิตก็ยังมีการเติมสารอื่นๆ ลงไป เพื่อเพิ่มคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการดูแลรถเข้าไปอีกเพื่อประโยชน์ในการใช้งานและความน่าสนใจ เช่น สารที่เพิ่มประสิทธิภาพในด้านความลื่น การป้องกันการยึดเกาะบนพื้นผิว การป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิต และอื่นๆ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ควรจะทำการศึกษาหรือสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อที่จะได้ทราบถึงจุดเด่นเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ที่เราสนใจอยากใช้งาน ทำให้เราเลือกสรรใช้งานได้ตรงกับความต้องการและสภาพการใช้งานของเราได้มากขึ้นอีกด้วย
ด้วยคุณสมบัติของ ส่วนผสมน้ำยาเคลือบแก้ว ดังที่ได้กล่าวมา ทำให้วัสดุที่ผ่านการเคลือบมีทั้งความแข็งแรง สวยงาม และทำความสะอาดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จึงทำให้การ เคลือบแก้ว เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ที่จะนำมาใช้งานในการปกป้องสีรถของเรา เพราะนอกจากจะสามารถปกป้องพื้นผิวรถยนต์ไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย มีความสวยงามคงทนยาวนานแล้ว ยังสามารถป้องกันสิ่งที่ก่อให้เกิดความสกปรกที่ทำให้รถไม่สวยงามและมลภาวะรอบๆ ตัว ได้ดีแล้ว ยังรวมไปถึงการช่วยเพิ่มความงามให้สีรถส่องสว่างเป็นประกายได้มากขึ้นได้อีกด้วย