รถเคลือบแก้วเปื้อนยากจริงหรือ
- ต.ค. 10, 2017
- 0
- ข้อมูลความรู้ บทความ
ว่ากันว่าการ เคลือบแก้ว เป็นหนึ่งในวิธีการดูแลรักษารถที่น่าสนใจมากที่สุดอย่างหนึ่งในปัจจุบันนี้ เนื่องจากมันทำให้รถมีความสวย เป็นเงางาม มีความทนทานต่อสภาพการใช้งานมากกว่ารถทั่วไปที่เคลือบปกป้องผิวด้วยวิธีอื่น แต่อย่างไรก็ตาม หนึ่งในจุดเด่นที่ถูกนำมาแสดง หรือ นำมาโฆษณาให้คนเห็น ในเรื่องเกี่ยวกับการทำ เคลือบแก้ว ก็คือ เรื่องของการที่รถไม่เปื้อนง่าย แม้แต่น้ำก็ไม่สามารถเกาะติดผิวได้ เป็นเรื่องที่หลายท่านให้ความสนใจ และบางท่านก็คิดว่ามันเป็นเรื่องของเทคนิคการทำภาพหรือเปล่า เพราะปัจจุบันนี้อะไรๆ ก็ไม่สามารถเชื่อได้ง่ายๆ เพราะเทคนิคในการสร้างและตกแต่งภาพนั้นค่อนข้างมีคุณภาพสูงหลอกตาเราให้คิดว่าเป็นเรื่องจริงได้ง่ายๆ
รถที่ผ่านการทำ เคลือบแก้ว เปื้อนยากจริงหรือ
สำหรับคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้อง เคลือบสีรถ ที่เรียกว่า น้ำยาเคลือบแก้ว หรือคนที่เคยเห็นประสิทธิภาพของน้ำยาชนิดนี้ในรถยนต์ (หรือรถประเภทอื่น) คงทราบดีว่า การทำ เคลือบแก้ว ทำให้รถดูฉ่ำ เป็นเงามัน สวยงาม และสามารถป้องกันการเกาะติดของน้ำและสิ่งสกปรกได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ประจักษ์ได้ด้วยสายตา แต่ ทราบหรือไม่ว่า เหตุใดมันจึงเป็นเช่นนั้น เบื้องหลังของประสิทธิภาพคืออะไร ?
สำหรับเรื่องนี้หากไม่นับประสิทธิภาพในเรื่องของการปกป้องผิวที่เกิดจากคุณสมบัติด้านความแข็งของผลึกสารและความหนาของชั้นฟิล์มที่เคลือบอยู่ (ซึ่งเราจะนำมาอธิบายในคราวต่อๆ ไป) ทำให้พื้นผิวของรถที่ผ่านการทำ เคลือบแก้ว มีความแข็งแรงและดูฉ่ำเงาและเกิดรอยขีดข่วนจากการใช้งานทั่วไปได้ยากกว่ารถปกติแล้ว สิ่งที่ทำให้รถที่ทำการเคลือบด้วย น้ำยาเคลือบแก้ว มาเกิดมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดรอยคราบเปื้อนฝังแน่น และสามารถป้องกันสิ่งสกปรกเกาะติดผิวของรถได้นั้น มันเกิดขึ้นมาจากคุณสมบัติที่เป็นเรื่องของปฏิกิริยาทางเคมีอยู่ 3 ชนิด
ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นหลังจากรถผ่านการเคลือบด้วย น้ำยาเคลือบแก้ว คือ
- Hydrophobic หรือ แปลว่าปฏิกิริยา “ไม่ชอบน้ำ” คุณสมบัติของปฏิกิริยาชนิดนี้คือ น้ำไม่สามารถเกาะติด (นึกถึงสภาพน้ำบนใบบอนที่มีความกลม และกลิ้งไปมาไม่สามารถเกาะจับบนผิวของใบได้)
- Hydrophilic หรือ ปฏิกิริยา “ชอบน้ำ” หรือ “รีดน้ำ” คุณสมบัติคือ จะดึงดูดน้ำให้อาบไล้ไปบนผิว ปฏิกิริยาแบบนี้ทำให้เวลาที่ล้างทำความสะอาดจะง่ายเพราะน้ำจะถูกดึงดูดลงไปยังชั้นของแผ่นฟิล์ม ทำให้ดันเอาฝุ่นผงคราบสกปรกหลุดออกไปจนหมด
- Anti-static หรือ ปฏิกิริยาต่อต้านไฟฟ้าสถิต เมื่อไม่มีไฟฟ้าสถิต แรงดึงดูดที่ผิวของรถจะทำกับฝุ่นผงหรือคราบสกปรกก็ไม่มี ทำให้ฝุ่นผงสิ่งสกปรกไม่สามารถยึดเกาะอยู่บนผิวได้
ปฏิกิริยาทั้ง 3 ชนิด นี้คือ เบื้องหลังของประสิทธิภาพที่ทำให้รถที่ผ่านการทำ เคลือบแก้ว เปื้อนได้ยากและทำความสะอาดได้ง่ายกว่ารถทั่วไป หรือจะพูดง่ายๆ ว่านี่คือ เบื้องหลังของสาเหตุที่ทำให้รถเคลือบแก้วเปื้อนยากกว่ารถทั่วไปที่ไม่ได้ผ่านการลง น้ำยาเคลือบแก้ว มาก็ได้
ด้วยสาเหตุนี้ เราจึงสามารถสรุปได้ว่า รถที่ผ่านการทำ เคลือบแก้ว มา เป็นรถที่เปื้อนได้ยากมากกว่ารถทั่วไปได้จริงๆ แต่เงื่อนไขสำคัญก็คือ เรื่องของคุณภาพของ น้ำยาเคลือบแก้ว ทักษะในการทำของผู้ให้บริการเป็นสำคัญ ที่จะทำให้เกิดความสมบูรณ์ในเรื่องของปฏิกิริยาเหล่านี้ และเมื่อใช้งานก็มีเงื่อนไขเกี่ยวกับสภาพการใช้งานและการเข้ารับการบำรุงรักษาด้วย