เปรียบเทียบเคลือบแก้วกับเคลือบแว๊กซ์
- ต.ค. 12, 2017
- 0
- ข้อมูลความรู้ บทความ
การเคลือบสีรถที่ได้รับความนิยมและพูดถึงกันมากในปัจจุบันนี้ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ น่าจะมีอยู่ 2 อย่าง นั่นก็คือ การทำ เคลือบแก้ว กับ เคลือบแว๊กซ์ (Wax) และบ่อยครั้งที่เราจะได้ยินหรือพบเห็นการนำเอาทั้งสองอย่างนี้มาเปรียบเทียบกัน และก็บ่อยอีกเช่นกันที่มักจะมีการอวดอ้างถึงข้อดีว่าอย่างใดอย่างหนึ่งเหนือกว่า บ้างก็ว่า เคลือบแว๊กซ์นั้นถูกว่า ความเงาความใสไม่เป็นรอง แต่อาจจะต้องทำบ่อยหน่อย แต่ก็ออกมาหล่อเหมือนกัน… อะไรทำนองนั้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า การพบเจอข้อมูลลักษณะนี้ ทำให้คนอยากดูแลรักษารถสับสนได้เช่นกัน เพราะไม่รู้จะเลือกแบบไหนดี ดังนั้น เราลองเอามาเปรียบเทียบกันดูให้เห็นชัดๆ ว่าการทำ เคลือบแก้ว กับการเคลือบแว๊กซ์นั้นได้ผลออกมาเป็นอย่างไร จะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
“เคลือบแก้วกับเคลือบแว๊กซ์แบบไหนน่าสนใจกว่ากัน”
เปรียบเทียบเคลือบแก้วกับเคลือบแว๊กซ์
ก่อนที่จะเริ่มทำการเปรียบเทียบ เราจะต้องมาแยกประเด็นกันเสียก่อนว่าเราจะเทียบกันในเรื่องใดบ้าง เพื่อให้เห็นได้อย่างเด่นชัดถึงจุดเด่นและข้อด้อยของแต่ละอย่าง ระหว่าง เคลือบแก้วกับเคลือบแว๊กซ์ เพื่อให้ผู้สนใจดูแลรักษารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือกวิธีการแบบไหนในการดูแลรถที่เรารัก
เปรียบเทียบในเรื่องราคา
สำหรับเรื่องของราคาในการไปรับบริการ ระหว่างการเคลือบแว๊กซ์กับการเคลือบแก้ว ดูเหมือนว่ามันชัดเจนในเรื่องอัตราค่าบริการต่อครั้งที่ เคลือบแก้ว มีราคาสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะ ราคาเคลือบแก้ว อยู่ที่หลักพันกลางๆ ไปจนถึงราคาหลักหมื่น ส่วนเคลือบแว๊กซ์อยู่ที่หลักร้อยเท่านั้น ดังนั้นหากเทียบเรื่องราคา เคลือบแว๊กซ์ดูเหมือนจะกินขาด แต่อย่างไรก็ตาม ในการจะเทียบเรื่องราคา เราควรนำเอาระยะเวลามาเป็นส่วนประกอบ เพราะการเคลือบแว๊กซ์ เราต้องไปทำบ่อยๆ ส่วน เคลือบแก้ว ทำครั้งหนึ่งอยู่ได้หลายเดือนหรืออาจจะเป็นปีๆ จึงจะเอาไปทำอีกครั้ง (ขึ้นอยู่กับรูปแบบโปรโมชั่นและบริการหลังการขาย รวมถึงระยะเวลาปกป้องของแต่ละเจ้า ที่ใช้ น้ำยาเคลือบแก้ว และเทคนิคการทำ เคลือบแก้ว ที่แตกต่างกัน แต่เราสามารถสอบถามได้จากผู้ให้บริการ) ดังนั้นเมื่อเราเอาราคามาพิจารณาควบคู่กับเวลา ก็อาจจะเห็นได้ว่า การทำ เคลือบแก้ว ไม่แพงกว่าอย่างที่คิดก็เป็นไปได้
เปรียบเทียบในเรื่องความสวยงาม
สำหรับเรื่องของความสวยงาม เป็นเรื่องที่วัดกันได้ยากสักหน่อย เนื่องจากเป็นเรื่องของความรู้สึก แต่อย่างไรก็ตาม การทำ เคลือบแก้ว กับ เคลือบแว๊กซ์ ให้กับรถนั้น เมื่อทำเสร็จแล้ว มีความเงางามและทำให้สีรถดูเปล่งปลั่งเช่นเดียวกันทั้งคู่ แต่ก็มีผู้ที่นิยมการทำเคลือบแว๊กซ์บอกว่า เคลือบแว๊กซ์ดีกว่า ตรงที่เราสามารถขัดเพิ่มได้บ่อยๆ ทำให้รถดูเปล่งปลั่งอยู่เสมอหลังจากพึ่งทำเสร็จ ถ้าแลดูหมองก็เอาไปรับบริการ ออกมาใหม่ใสวับอยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม การที่เราต้องมาคอยดูแลรถอยู่บ่อยๆ แบบนี้ ก็ถือเป็นการเพิ่มภาระในเรื่องเวลาและแรงงาน รวมถึงเรื่องวัสดุอุปกรณ์กาดเราทำเอง และแน่นอนว่าเพิ่มค่าใช้จ่ายและเวลา หากเราเอาไปรับบริการที่ศูนย์คาร์แคร์ ส่วนการทำ เคลือบแก้ว ไม่จำเป็นต้องเอาไปรับบริการบ่อยๆ ข้อนี้ก็อยู่ที่ความพอใจของผู้เป็นเจ้าของรถ หากว่าใครชอบที่จะได้ดูแลจัดการรถบ่อยๆ การเคลือบแว๊กก็อาจจะเป็นงานอดิเรกที่ทำได้ประจำอีกอย่างหนึ่ง
เปรียบเทียบในเรื่องการปกป้องสีรถ
ในประเด็นเรื่องการปกป้อง การ เคลือบแก้ว ก็คือการสร้างชั้นฟิล์มที่เกิดจาก น้ำยาเคลือบแก้ว ซึ่งเมื่อมันแห้งสมบูรณ์แล้วจะได้ชั้นฟิล์มที่มีลักษณะใส หนา และมีความแข็งไปเคลือบเอาไว้บนสีรถ ส่วนการเคลือบแว๊กซ์เป็นการเคลือบด้วยแวกซ์หรือขี้ผึ้ง ค่าความแข็งของชั้นฟิล์มที่เกิดขึ้นสองอย่างแตกต่างกันมาก ดังนั้นหากเป็นเรื่องการป้องกันสีรถจากการเกิดรอยขีดข่วนที่มาจากการใช้งานทั่วไป เคลือบแก้ว เหนือกว่าอย่างชัดเจน และในกรณีการป้องกันไม่ให้สีรถซีดจาง ชั้นฟิล์มที่มีลักษณะใสสะท้อนแสงของเคลือบแก้ว ก็ทำได้ดีกว่า เพราะสีรถแท้ไม่ถูกสัมผัส ในข้อนี้การทำ เคลือบแก้ว ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นี่เป็นข้อมูลเชิงเปรียบเทียบของ เคลือบแก้ว กับ เคลือบแวกซ์ ส่วนท่านที่สนใจเรื่องการดูแลรักษารถจะเลือกรับบริการแบบไหนก็อยู่ที่การตัดสินใจของตัวท่านเอง ว่าแบบไหนดีกว่าคุ้มค่ากว่า และแบบไหนเหมาะสมกับการใช้งานของเราเองมากที่สุด