รถเคลือบแก้วล้างง่ายกว่าปกติจริงหรือ
- ต.ค. 23, 2017
- 0
- ข้อมูลความรู้ บทความ
เป็นเรื่องจริงที่ว่า การทำความสะอาดรถยนต์ เป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง และมีคำกล่าวว่า รถที่ผ่านการทำ เคลือบแก้ว มาแล้ว ยิ่งช่วยให้ล้างได้ง่ายมากยิ่งขึ้นมากกว่ารถปกติที่ยังไม่ผ่านการลง น้ำยาเคลือบแก้ว มา แต่เรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่… มันง่ายกว่าอย่างไร และเหตุใดมันจึงเป็นเช่นนั้น…
การล้างรถทั่วไปที่ไม่ได้เคลือบแก้ว ก็ไม่ได้ยากไม่ใช่หรือ…
มีบางท่านคิดว่า การล้างรถไม่ว่าจะ เคลือบแก้ว หรือไม่ได้ผ่านการทำ เคลือบแก้ว ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องอะไรที่ต่างกันสักเท่าไหร่… เพราะโดยทั่วไปการล้างรถเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการทำความสะอาดรถยนต์ เป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ดี หากพิจารณาตามข้อเท็จจริง การล้างรถเองไม่ได้เป็นเรื่องง่าย เพราะเราควรมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือความผิดพลาดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตามมาภายหลัง ทั้งนี้การล้างรถนั้นก็มีหลายขั้นตอน ไม่ใช่แค่เอาน้ำฉีดๆ เอาผ้ากับแชมพูล้างรถถูๆ ปล่อยแห้งก็เสร็จ มันมีขั้นตอนหลายอย่างและมีรายละเอียดที่เราต้องใส่ใจอยู่หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการล้าง การเช็ดรถให้แห้ง ขัดทำความสะอาด การลง WAX เคลือบสี รถยนต์ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่เราควรใช้เวลาในการหาความรู้ก่อนลงมือทำทั้งสิ้น เพราะ… การล้างทำความสะอาดและขัดเคลือบรถเองแม้จะดูเป็นเรื่องไม่ยาก แต่หากไม่เข้าใจก่อนแล้ว อาจสร้างปัญหาที่น่าปวดหัวให้ตามมาหลอกหลอนให้เราเจ็บใจได้ภายหลัง
การล้างรถทั่วไปที่ไม่ได้ เคลือบแก้ว มีหลายเรื่องที่เราต้องใส่ใจ
สิ่งที่ควรทราบและการล้างรถอย่างเหมาะสม
- ก่อนล้างต้องสำรวจหารอยคราบสกปรกที่การล้างทั่วไปทำความสะอาดไม่ได้ และจัดการกับมันก่อนด้วยวิธีที่เหมาะสม ในการล้างรถนั้น หากว่าเป็นรถที่ไม่ได้ผ่านการทำ เคลือบแก้ว มา สิ่งสกปรก ฝุ่นผง โคลน คราบน้ำและอื่นๆ ย่อมจับเกาะติดแน่นได้ง่าย ก่อนการทำความสะอาด เราต้องสำรวจดูให้ทั่วก่อนว่ามีคราบสกปรกแบบไหนเกิดขึ้นบ้างเพื่อที่จะได้หาวิธีจัดการได้อย่างเหมาะสม เช่น มีรอยยางมะตอยติดหรือไม่ มีโคลนเกาะจับจนแห้งแข็งติดไปแล้วนานหรือเปล่า มีคราบแมลง ขี้นก หรืออะไรบ้าง ที่เราต้องทำความสะอาดออก ซึ่งเมื่อทราบแล้วเราจะได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดคราบชนิดต่างๆ เหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม
- เริ่มต้นด้วยการล้างฝุ่นออกจากผิวสีรถ เวลาล้างให้ใช้น้ำแรงๆ ฉีดล้างฝุ่นผงสิ่งสกปรกเสียรอบหนึ่งก่อน แล้วค่อยใช้ผ้าเปียกลูบไล้เบาๆ ไปทีละส่วน ให้สะอาด แต่อย่าออกแรงกดเด็ดขาด เพราะเศษฝุ่นเศษทรายอาจมีหลงเหลือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความแข็งสูงกว่าผิวขอรถทั่วไปแน่นอน หากเราออกแรงกด ผ้าที่เราใช้เช็ดถูทำความสะอาดมันก็จะมีสภาพไม่ต่างจากกระดาษทราย ที่เราลงมือเอามาลากถูไปถูมาบนสีรถของเราเอง ซึ่งการทำเช่นนี้มันทำให้เกิดรอยเล็กๆ หรือที่เรียกว่ารอยขนแมวเต็มไปหมดกับผิวของรถเราได้
- เลือกใช้สารทำความสะอาดที่เหมาะสม ในการล้างรถไม่ควรใช้สารที่มีความเป็นด่างสูง อย่างเช่น ผงซักฟอก ในการเอามาทำความสะอาด เพราะสารที่มีความเป็นด่างสูงนี้มันจะทำให้สีรถซีดจางเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ในการเลือกเราต้องแน่ใจว่าสารที่เราเลือกสามารถช่วยทำความสะอาดได้หมดจดและไม่ส่งผลเสียต่อสีรถ
- หลังจากล้างเราต้องเช็ดให้แห้งทันที เรื่องนี้ไม่ง่ายและใช้แรงเยอะพอสมควร เพราะเราต้องแข่งกับเวลาและสภาพอุณหภูมิและระดับความชื้นในอากาศ ไม่ควรปล่อยให้น้ำแห้งเอง เพราะจะทำให้เกิดรอยคราบน้ำเกาะจับแน่นอยู่ที่สีรถ กลายเป็นรอยคราบขาวๆ น่าเกลียด ซึ่งรอยนี้ทำความสะอาดยากมากๆ เราต้องรีบเช็ดให้แห้งทันที แต่ต้องทำอย่างเบามือ เพราะหากว่ามีเศษฝุ่นเหลือแน่นอนว่าเกิดรอยขนแมวหรือรอยขีดข่วนได้แน่ๆ และไม่ควรล้างรถกลางแดด เพราะแห้งเร็วเกินไปทำให้เกิดคราบน้ำเกาะผิวรถ
- การลงน้ำยาขัดเคลือบก็ควรทำในร่ม หากทำกลางแจ้งที่มีแสงแดดร้อน สารเคลือบอาจทำปฏิกิริยากับความร้อนของแสงแดดและสีรถ ทำให้เกิดปัญหา แทนที่จะเป็นการป้องกันสีรถกลับกลายเป็นการทำลายมันแทน และที่สำคัญมากๆ ก็คือ ก่อนใช้สารเคลือบชนิดใด ควรอ่านและศึกษาให้ดีเสียก่อน ต้องใช้ให้ถูกต้องตามวิธีการ หาไม่แล้ว… อาจเกิดผลทางลบอย่างน่ากลัว โดยเฉพาะน้ำยาขจัดรอย พวกนี้ต้องทำทีละจุด เพราะเป็นสารที่ส่วนผสมของตัวทำละลาย หากทิ้งไว้เกิดปัญหารอยด่างที่สีแน่นอน อันตรายมาก
นี่เป็นสิ่งที่ควรระวังเมื่อล้างและขัดเคลือบรถด้วยตนเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากต้องการให้ผลออกมาดี ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ซึ่งคิดว่า… หากไม่มีความชำนาญเราก็อาจจะเลือกใช้บริการของคาร์แคร์ที่มีมาตรฐานเพื่อให้เราสามารถมั่นใจได้สักแห่ง แต่ต้องแน่ใจจริงๆ เพราะบ่อยครั้ง พนักงานล้างรถก็ทำแค่ให้มันเสร็จๆ ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องสีรถมากพอ
การล้างรถที่ เคลือบแก้ว ง่ายกว่าอย่างไร…
สำหรับรถที่มีการทำ เคลือบแก้ว การล้างรถจะง่ายกว่าและต้องระวังน้อยกว่ามาก เนื่องจากที่ผิวของสีรถมีชั้นฟิล์มที่เกิดจาก น้ำยาเคลือบแก้ว เคลือบทับเอาไว้ ซึ่งด้วยชั้นฟิล์มนี้เราสามารถทำความสะอาดเองได้อย่างง่ายดาย ฝุ่นและคราบไม่เกาะและผิวมีความลื่นและแข็ง ไม่ต้องระวังมากในเรื่องฝุ่นทรายที่ตกค้างบนสีรถ และยังไม่ต้องกลัวเรื่องคราบน้ำทิ้งรอยบนสีรถอีกด้วย เพราะคุณสมบัติด้านความลื่นช่วยป้องกันการยึดเกาะของคราบไม่ให้ติดแน่น ที่สำคัญมันเกิดยากมาก เพราะน้ำแทบจะไม่สามารถเกาะที่ผิวได้เลย มันจะไหลออกไปจนหมด ดังนั้น รถเคลือบแก้ว ล้างทำความสะอาดง่ายกว่ากันมากแน่นอน