เคลือบแก้วเพื่ออะไร
- พ.ย. 3, 2017
- 0
- ข้อมูลความรู้ บทความ
การทำ เคลือบแก้ว ได้รับการกล่าวถึงกันมากในหมู่คนที่รักรถมาอย่างต่อเนื่องในหลายปีมานี้ แต่เชื่อว่ามีอีกหลายๆ ท่านที่มีความสนใจ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำการ เคลือบสีรถ แบบนี้ดีหรือเปล่า เรื่องนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากเรื่องของราคาในการ ทำ เคลือบแก้วรถยนต์ ซึ่งค่อนข้างอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร ทำให้เกิดความไม่แน่ใจในเรื่องความคุ้มค่าที่จะได้รับ ซึ่งในกรณีนี้ก็เป็นเรื่องที่ควรพิจารณากันก่อนว่าเรา เคลือบแก้วเพื่ออะไร และประสิทธิภาพของมันตอบสนองความต้องการของเราในแง่นั้นจริงหรือไม่…
เคลือบแก้วเพื่ออะไร คำถามที่ต้องหาคำตอบ…
เชื่อว่ามีหลายๆ ท่าน เกิดคำถามนี้ขึ้นในใจ เพราะบ่อยครั้งที่เราพบว่ามีความสับสนเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของการทำ เคลือบแก้ว ส่วนหนึ่งอาจจะด้วยชื่อของมันที่ทำให้เรานึกถึงความสวยงามแวววาว ทำให้คนมักหยิบยกเอาเรื่องของการทำ เคลือบแก้ว ไปเทียบกับการเคลือบแวกซ์ และประกวดประชันกันในเรื่องความมันความเงาของสีรถหลังจากทำมา ซึ่งแน่นอนว่าหากเทียบกันในเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่ตัดสินได้ยาก โดยเฉพาะหลังการรับบริการสองอย่างนี้เสร็จใหม่ๆ เพราะรถที่รับบริการไม่ว่าจะเป็นการทำ เคลือบแก้ว หรือ การเคลือบแวกซ์ ก็ล้วนแต่มีความมันเงาสวยใสด้วยกันทั้งคู่เมื่อพึ่งผ่านการรับบริการออกมา จนบางทีแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าไปรับบริการแบบไหน แต่ราคาที่จ่ายออกไปของทั้งสองรูปแบบนี้แตกต่างกันมาก ราคาเคลือบแก้ว อาจจะอยู่ที่หลักพันปลายๆ จนถึงหลายๆ หมื่นบาท ในขณะที่การเคลือบแวกซ์อยู่ในระดับหลักร้อย เรื่องนี้ทำให้บางท่านหันเหความสนใจไปทางการเคลือบแวกซ์มากกว่า เพราะจ่ายน้อยกว่าแต่เงางามเหมือนกัน… แต่อย่างไรก็ตาม อยากขอเรียกว่า ความเข้าใจนั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปอยู่บ้าง เพราะในเรื่องความสวยงาม เงามัน อะไรเหล่านั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราจะได้จากการทำ เคลือบแก้ว…
เคลือบแก้วแล้วได้อะไร
การที่เราจะทราบได้ว่า เคลือบแก้วเพื่ออะไร และมันเป็นสิ่งที่เหมาะสมคุ้มค่ากับรถของเราหรือไม่ อย่างแรกที่เราควรทราบก่อนก็คือ เมื่อเรา เคลือบแก้วแล้วได้อะไร หรืออธิบายชัดๆ ก็คือ มันมีประสิทธิภาพประสิทธิผลอะไรที่จะเกิดขึ้นกับรถของเราบ้าง เพื่อที่เราจะได้พิจารณาได้ว่า สิ่งที่เป็นผลจากการลง น้ำยาเคลือบแก้ว ลงไปบนผิวสีรถของเรานั้น มันตอบสนองความต้องการในการใช้งานรถของเราหรือเปล่า ซึ่งสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราเอารถไปทำ เคลือบแก้ว ก็คือ
- การรักษาสภาพ เนื่องจากมีชั้นฟิล์มใสเกิดขึ้นที่ผิวสีรถ ซึ่งชั้นฟิล์มนี้จะปกคลุมชั้นสีแท้ของรถเอาไว้ ไม่ให้ต้องสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยตรง ซึ่งมันสามารถเกาะติดผิวของรถได้นานมาก เมื่อเทียบกับการเคลือบแวกซ์ อาจจะอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือนไปจนถึงหลายๆ ปี (ขึ้นอยู่กับชนิดของ น้ำยาเคลือบแก้ว ที่เราใช้ ความสามารถในการให้บริการ และการรับประกันของศูนย์บริการที่เราไปรับบริการ)
- การปกป้องผิวสีรถ เนื่องจากชั้นฟิล์มใสที่เกิดจาก น้ำยาเคลือบแก้ว มีคุณสมบัติเด่น ในเรื่องความแข็ง ความลื่น ความหนา และมีปฏิกิริยาต่อต้านการยึดเกาะผิวจากโมเลกุลของสารอื่น เนื่องจากมันมีสภาพเป็นโมเลกุลไร้ขั้วปฏิกิริยาไฟฟ้าที่จะดึงดูดวัตถุเข้าหากันเกิดขึ้นได้น้อย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้ชั้นผิวสีแท้ของรถ ได้รับการปกป้อง จากการเกิดรอยขีดข่วน การเกิดรอยเปื้อน และคราบสกปรกฝังแน่น อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และยังมีปฏิกิริยาในการต่อต้านรังสี UV จากแสงแดดที่ทำลายสีรถให้ซีดจางด้วย (ขึ้นอยู่กับการเติมสารเพิ่มประสิทธิภาพลงใน น้ำยาเคลือบแก้ว ยี่ห้อนั้นๆ)
- ความสวยงาม เนื่องจากชั้นฟิล์มที่เกิดขึ้นนั้นมีความใส สะท้อนแสง และเป็นมันเงา ทำให้รถดูสวยงาม ซึ่งเรื่องนี้นี่เองที่คนมักเอามาเปรียบเทียบกับการเคลือบแวกซ์และเห็นความแตกต่างน้อยหลังจากทำเสร็จใหม่ๆ ทั้งคู่ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ น้ำยาเคลือบแก้ว มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะที่ติดทนกว่า กลายเป็นชั้นฟิล์มที่มีความแข็งเกาะติดผิวรถได้นาน ทำให้รถที่ผ่านการทำ เคลือบแก้ว ยืนระยะในเรื่องความสวยได้ยาวนานกว่า ไม่ต้องดูแลบ่อยๆ ทำครั้งหนึ่งก็สวยได้นานหลายเดือนหรือเป็นปีๆ ต่างจากการเคลือบแวกซ์ที่ทำเสร็จแล้วแค่ หนึ่งถึงสองอาทิตย์ก็เสื่อมสภาพ ต้องทำใหม่บ่อยๆ
ดังนั้นหากถามว่า เคลือบแก้วเพื่ออะไร ก็น่าจะตอบได้ว่า มันเป็นการทำเพื่อปกป้องสภาพของรถให้มีความสวยงามอยู่ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ทำให้ใช้งานได้เต็มที่มากขึ้น ในขณะที่ภาระในการดูแลน้อยลง ทำความสะอาดง่าย ซึ่งก็น่าจะเพียงพอแก่การตัดสินใจได้ว่ามันคุ้มค่าหรือไม่กับสิ่งที่เราได้รับเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายออกไปกับการทำ เคลือบแก้ว ให้รถของเรา