• ผลิตภัณฑ์คุณภาพ จากประเทศเยอรมนี

  • สนใจผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วและธุรกิจคาร์แคร์ ติดต่อ

Armor Diamond

รถเคลือบแก้วแข็งขนาดลองทุบได้เลยจริงหรือYou are here: Home » Blog » ข้อมูลความรู้ บทความ » รถเคลือบแก้วแข็งขนาดลองทุบได้เลยจริงหรือ

การโชว์ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นแบบประจักษ์จริงแก่สายตา สำหรับการ เคลือบแก้ว มีการทดสอบประสิทธิภาพให้เห็นอยู่หลายแบบ อย่างหนึ่งก็คือ การใช้วัตถุมากระแทกเข้าที่ผิวรถที่มีการลง น้ำยาเคลือบแก้ว เพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพในเรื่องความแข็ง เรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่ เคลือบแก้ว แล้วผิวรถแข็งขนาดนั้นเลยจริงๆ หรือ…

 

การทดสอบประสิทธิภาพของการเคลือบแก้ว

 

การทดสอบในแนวการแสดงให้เห็นประจักษ์ถึงประสิทธิภาพของการ เคลือบแก้ว มีอยู่หลายรูปแบบ การลองใช้วัตถุมากระแทกเป็นเพียงอย่างหนึ่งในการทดสอบเหล่านั้น เพื่อให้เห็นจริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับผิวรถ กระทั่งการราดน้ำมันแล้วจุดไฟให้ดูบนฝาประโปรงหน้าของรถที่ผ่านการทำ เคลือบแก้ว มาแล้วก็เคยมี แต่โดยทั่วไปที่เรามักพบ เป็นเรื่องของการใช้น้ำสาดหรือฉีดพ่น เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพในด้านความลื่น แต่เรื่องที่อยากเอามานำเสนอในคราวนี้เป็นเรื่องของการทดสอบด้วยการใช้วัตถุมากระแทก ซึ่งเรื่องนี้สร้างความแตกตื่นไม่ใช่น้อย เมื่อเห็นการทดลองแบบหนักหน่วง Extreme อะไรกันขนาดนี้… ซึ่งวิธีการนี้ Armor TH ก็เคยได้ทำการทดสอบมา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เราอยากนำมาอธิบายเพื่อทำความเข้าใจ

 

 

การทดสอบด้วยการใช้วัตถุกระแทกที่ผิวรถทำเคลือบแก้ว

 

ในกรณีที Armor TH ได้เคยทำการทดสอบ เราใช้ก้นของไฟแช็คพลาสติกที่มีขายทั่วไป เอามากระแทกลงไปบนผิวของชิ้นที่เป็นไฟเบอร์ เปรียบเทียบระหว่างส่วนที่ลง น้ำยาเคลือบแก้ว กับส่วนที่ทำการเคลือบแวกซ์ ซึ่งผลที่ออกมาก็คือ ส่วนที่เคลือบแวกซ์เกิดรอยเต็มไปหมด แต่ในส่วนที่ทำการลง น้ำยาเคลือบแก้ว มีรอยอยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งเจตนาของเราคือ ต้องการทดสอบในเรื่องการปกป้องพื้นผิวให้เห็นประจักษ์ แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นการทดลอง และเป็นการกระแทกลงกับพื้นผิวที่มีความยืดหยุ่นดีดสะท้อนอย่างวัสดุที่เป็นไฟเบอร์กลาส ไม่ใช่ชิ้นส่วนที่เป็นแผ่นโลหะ และต้องเน้นย้ำว่าเป็นการทดลองของจริง แต่ไม่ควรนำไปทำตาม เพราะหากไปทำการกระแทกลงบนผิวที่เป็นแผ่นโลหะย่อมสามารถเกิดรอยบุบเสียหายได้

 

 

เคลือบแก้วแข็งขนาดกันการกระแทกได้เลยจริงหรือ

 

มีหลายท่านเข้าใจว่าเมื่อทำการ เคลือบแก้ว ไปแล้วมันสามารถปกป้องการกระแทกได้ เพราะมีคุณสมบัติด้านความแข็ง ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะในเรื่องของค่าความแข็งนั้น คือ การนำเอาวัสดุมาลองกดขีดกันเท่านั้นไม่ใช่กระแทก ยกตัวอย่างเช่น ไส้ดินสอ ไม่สามารถที่จำสร้างรอยบนผิวของกระจกได้ ทั้งนี้เนื่องจากกระจกมีความแข็งที่สูงกว่า เพชรสามารถกรีดกระจกเป็นรอยได้ เนื่องจากเพชรมีความแข็งมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าเพชร หรือ กระจกจะสามารถทนแรงในการทุบได้ เพราะของที่แข็งมีความเปราะ ในตัว การทดสอบความแข็งเป็นเรื่องของการสร้างรอยขีดข่วน คุณสมบัติด้านความแข็งของการ เคลือบแก้ว ก็เช่นกัน มันเป็นการเพิ่มความทนทานป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนให้เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องของการรับแรงกระแทก ซึ่งในเรื่องการรับแรงกระแทก เป็นเรื่องของความแข็งแรงของวัสดุด้วยอันเริ่มตั้งแต่โครงสร้างของมันด้วย ไม่ใช่แค่ ความแข็งของผิว

 

ดังนั้นหากใครเข้าใจว่าเมื่อทำ เคลือบแก้ว มารถสามารถรับแรงกระแทกทุบถองได้เป็นเรื่องไม่จริง แม้ว่า ผิวรถจะไม่เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย แต่มันไม่ได้หมายความว่า น้ำยาเคลือบแก้ว จะไปเพิ่มความแข็งแรงให้โครงสร้างของผิวโลหะให้แข็งแรงขนาดทนแรงกระแทกได้ ข้อเท็จจริงคือ เพิ่มความแข็งที่ผิวทำให้เกิดรอยขูดขีดจากวัตถุที่มีค่าความแข็งน้อยกว่าชั้นฟิล์มที่เกิดจาก น้ำยาเคลือบแก้ว ได้เท่านั้น…

 

อย่างไรก็ตาม รถที่ผ่านการทำ เคลือบแก้ว มา จะมีผิวที่มีคุณสมบัติดีขึ้น ในด้านความแข็งและความลื่น ที่ป้องกันไม่ให้เกิดรอยขูดขีดได้ง่ายจริงๆ และมีความสวยงามเป็นมันเงา ทนต่อสิ่งสกปรกและสามารถทำความสะอาดได้ง่าย แต่การจะแสดงความแข็งแกร่งด้วยการเอาอะไรไปทุบรถ เป็นเรื่องที่ผิดอย่างมหันต์ มันเป็นเรื่องของการทดสอบในสภาพแวดล้อมและวัสดุที่ควบคุมภายใต้แนวทางการทดสอบเท่านั้น…

 

 

ดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์น้ำยาเคลือบแก้วของ Armor เพิ่มเติม