เคลือบแก้ว ให้ได้ผลดีต้องใช้วิธีพ่นเท่านั้นจริงหรือ
- พ.ย. 16, 2017
- 0
- ข้อมูลความรู้ บทความ
การทำ เคลือบแก้ว ให้กับรถ เป็นวิธีการที่ช่วยเพิ่มได้ทั้งเรื่องของความสวยงามและประสิทธิภาพในการป้องกัน ทำให้ระแสนรักอยู่สวยทนทานนานปี ดังนั้นจึงเป็นวิธีการดูแลรถที่ได้รับความสนใจกันมาก อย่างไรก็ตาม ในการทำ เคลือบแก้วรถ นั้น มีหลายท่านเชื่อว่าจะต้องเลือกใช้บริการจากร้านที่ใช้วิธีการลง น้ำยาเคลือบแก้ว ด้วยการพ่นเท่านั้น จึงจะถือได้ว่าได้ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลดีต่อรถของเรา แต่เรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่ เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจหาคำตอบ เพรามันเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเกิดชั้นฟิล์มที่ผิวรถอันเป็นสิ่งปกป้องผิวรถของเราจากสภาพแวดล้อมและการใช้งาน…
เคลือบแก้ว มีกี่แบบ
โดยทั่วไปการทำ เคลือบแก้ว มีอยู่ 2 แบบ หรือ 2 ระบบ นั่นก็คือ แบบพ่น และแบบทา ซึ่งเราจะพบเห็นได้ทั่วไป (แต่ในปัจจุบันมีการคิดค้นแบบที่ 3 เสริมขึ้นมา เป็นแบบผสม เรียกว่า “เคลือบแก้วระบบพ่นกึ่งทา” ซึ่งเราค่อยเอาข้อมูลมานำเสนออีกครั้ง) อย่างไรก็ตาม ในความเชื่อของบางท่านจะรู้สึกว่า หากศูนย์บริการไหน มีวิธีการ เคลือบแก้ว ด้วยการใช้เครื่องพ่น จะเป็นร้าน หรือ ศูนย์บริการที่น่าเชื่อถือและย่าไว้วางใจให้เข้าไปใช้บริการมากกว่า เพราะแน่นอนว่า อุปกรณ์การพ่นนั้นดูไฮเทค มากกว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการ เคลือบแก้ว แบบทา ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เราควรจะต้องทำความเข้าใจกันเพิ่มเติม โดยในตอนถัดๆ ไป เราจะเอา มาเทียบกันให้เห็นอย่างชัดเจนในการ เคลือบแก้ว ในระบบพ่น ระบบทา (และระบบพ่นกึ่งทา)
เคลือบแก้ว แบบใช้เครื่องพ่นดีที่สุดในการทำการลงน้ำยาจริงหรือ
เรื่องนี้ต้องบอกว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป… เพราะในข้อเท็จจริง การลง น้ำยาเคลือบแก้ว ด้วยวิธีการใช้เครื่องพ่น มีปัจจัยที่จะให้ได้ผลงานออกมาดีสมบูรณ์แบบหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวอุปกรณ์เอง ทักษะความเข้าใจของผู้ปฏิบัติงานการพ่น น้ำยาเคลือบแก้ว ที่ผิวรถ ไปจนถึง สภาพแวดล้อม อันได้แก่แรงลม การไหลเวียนของอากาศอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งหากมีส่วนหนึ่งส่วนใดผิดปกติ ก็จะทำให้เกิดปัญหาในการเคลือบสี ส่งผลต่อสภาพความสมบูรณ์และประสิทธิภาพของการ เคลือบแก้ว ที่ทำได้ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า การ เคลือบแก้วรถ ด้วยวิธีการพ่น ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสักเท่าไหร่ มีปัจจัยค่อนข้างมาก พูดง่ายๆ ก็คือ ทำยาก ควบคุมยาก แต่ เกิดปัญหาง่าย
ปัญหาที่เกิดขึ้นได้จากการเคลือบแก้วแบบพ่น
เป็นความจริงว่าหากเราไปเห็นว่าศูนย์บริการไหนเขามีเครื่องพ่นเอาไว้ทำ เคลือบแก้ว มันช่วยให้ดูแล้วน่าเชื่อถือ เพราะเขาดูลงทุนในเรื่องอุปกรณ์ มันดูมีความทันสมัย มากกว่าการลง น้ำยาเคลือบแก้ว ด้วยการใช้อุปกรณ์ทา ที่ดูพื้นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ในความดูดีเก๋ไก๋ของเครื่องพ่น ก็มีปัญหาแฝงอยู่เช่นกัน… อาทิเช่น
- ปัญหา น้ำเคลือบแก้ว หายไปกับอากาศ แน่นอนว่าในการพ่นน้ำยาออกไป จะต้องผ่านตัวกลางคืออากาศ ยิ่ง น้ำยาเคลือบแก้ว เป็นฝอยละอองละเอียดมาก และอยู่ห่างจากผิววัตถุก็ย่อมมีโอกาสที่จะหายไประหว่างทาง นั่นหมายความว่า น้ำยาเคลือบแก้ว ทั้งหมดที่เราใส่ลงไป จะมีแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ไปเกาะที่ผิวรถ ที่เหลือหายไปอย่างเปล่าประโยชน์
- ปัญหา น้ำยาเคลือบแก้ว กลายเป็นละอองแห้ง คือ ตัวของ น้ำยาเคลือบแก้ว มีลักษณะเป็นเม็ด ลูบแล้วรู้สึกไม่เรียบเนียน เกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ระยะห่างที่มากเกินไประหว่างหัวพ่นไปจนถึงผิวสีรถ อัตราส่วนผสมของ น้ำยาเคลือบแก้ว อุณหภูมิที่สูง กระแสลม ซึ่งทำให้ละอองน้ำยาเกิดการแห้งก่อนไปถึงผิวสี ทำให้เกิดลักษณะเช่นนั้นขึ้น มันส่งผลต่อการปกป้องผิวแน่นอน เพราะน้ำยาไม่ได้เคลือบไล้บนผิวอย่างสมบูรณ์
- ปัญหาชั้นฟิล์ม เคลือบแก้ว ไม่สม่ำเสมอ เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่พอสมควร เนื่องจาก น้ำยาเคลือบแก้ว มีความใส และเวลาพ่นก็สังเกตได้ยากว่าทั่วถึงขนาดไหน มีความหนาสม่ำเสมอหรือไม่ มันทำให้เสี่ยงต่อการปกป้องที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากชั้นฟิล์มที่เกิดขึ้น บางจุดมีความหนาน้อย หนามาก ไม่เท่ากัน จนบางทีทำให้คนเข้าใจว่าการทำ เคลือบแก้ว ไม่มีประสิทธิภาพไปเลยก็มี…
ดังนั้น เราจึงสามารถกล่าวได้ว่าในการทำ เคลือบแก้ว การใช้วิธีพ่น ไม่ได้เป็นวิธีในการทำ เคลือบแก้วรถ ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอย่างที่บางท่านเข้าใจ เนื่องจากมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงหลายประการ ซึ่งหากใครสนใจทำการลง น้ำยาเคลือบแก้ว ด้วยวิธีนี้ ก็คงต้องเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์หรือมีวิธีการที่สามารถจัดการกับจุดอ่อนและปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำ เคลือบแก้ว ด้วยวิธีพ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้สนใจสามารถพูดคุยสอบถามได้ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ…