ฝนตกหน้าร้อนระวัง สีรถพังเอาง่ายๆ ถ้าไม่ได้เคลือบแก้ว
- เม.ย. 19, 2018
- 0
- ข้อมูลความรู้ บทความ
ในช่วงเวลาที่มีอากาศร้อนจัดกลางฤดูร้อน มักจะมีช่วงหนึ่งที่เกิดมีฝนตกลงมา ซึ่งหากไม่ได้มาพร้อมลมพัดกระโชกแรง หลายๆ คนก็ชอบใจ เพราะมันช่วยคลายให้หายร้อน ทำให้เย็นสบายสดชื่นไปได้สักช่วง แต่อย่างไรก็ตาม มันอาจจะดีเฉพาะในด้านความรู้สึกของคน เพราะถ้าเกิดสภาพอากาศแบบนี้ หากว่าเป็นรถ อาจจะมีปัญหาเรื่องสีรถพังเอาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในรถที่ยังไม่ได้ทำการ เคลือบแก้ว ปกป้องผิวชั้นนอกเอาไว้ด้วยชั้นฟิล์มใสของ น้ำเคลือบแก้ว
เหตุที่ฝนตกลงมาในช่วงฤดูร้อน โดยทั่วไปเกิดจากมวลอากาศเย็นจากทางประเทศจีน แผ่ลงมายังบริเวณประเทศไทย ทำให้เกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็น กับ มวลอากาศร้อนที่ปกคลุมอยู่เหนือประเทศไทย (ในช่วงนี้มวลอากาศร้อนในบริเวณประเทศไทยมีค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นช่วงที่ ขั้วโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ บริเวณประเทศไทย มีดวงอาทิตย์อยู่เกือบตรงศีรษะในเวลาเที่ยงวัน ทำให้ได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์เต็มที่) การปะทะกันของมวลอากาศที่มีความต่างกันมากของอุณหภูมิเช่นนี้สามารถที่จะก่อให้เกิดฝนตก หรืออาจจะรุนแรงถึงขั้นเกิดลมพายุ (เรียกว่า พายุฤดูร้อน อันเป็นลมประจำถิ่น) มีฝนตกฟ้าคะนอง หรือ อาจจะมีลูกเห็บตกได้เลยทีเดียว
สภาพอากาศดังที่กล่าวมานี่เอง ที่ทำให้เกิดปัญหากับสีรถได้ เนื่องจากปัจจัยความต่างของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้น ส่งผลเสียต่อสภาพผิวสีของรถ โดยเฉพาะคันที่ยังไม่ผ่านการทำ เคลือบแก้ว มา
ความเสียหายจากฝนที่ตกในฤดูร้อน
- คราบฝ้าติดผิวสีรถ เช็ดออกไม่ได้ง่ายๆ คราบนี้เกิดจากน้ำฝนที่ตกลงมาโดนผิวรถที่มีฝุ่นผงเกาะจับหนา (ช่วงที่ฝนไม่ตกสภาพอากาศร้อนจัดทำให้มีฝุ่นเป็นจำนวนมาก) น้ำฝนทำละลายให้หินปูนในฝุ่นละลายออกมา ทำให้เกิดคราบฝ้าจับเกาะที่ผิวรถ ซ้ำเติมด้วยสภาพอากาศที่ฝนตกเสร็จอาจเป็นไปได้ที่จะมีแดดแผดแสงร้อนแรงต่อทันที ทำให้คราบน้ำแห้งกรังฝังแน่น แต่ ต่อให้เป็นรถที่ล้างสะอาด เม็ดน้ำระเหยจากฝนเมื่อโดนแดดแรงและอากาศร้อนก็จะหายไปแต่ทิ้งรอยคราบไว้เต็มคันรถ คราบนี้เรียกอีกอย่างว่า “สนิมน้ำ” กำจัดยากมากถ้าไม่ใช่รถที่มีชั้นฟิล์มลื่น ที่เกิดจากการทำ เคลือบแก้ว กันเอาไว้
- สีซีดจางเร็ว เรื่องนี้เกิดจากความร่วมมือของ รังสี UV จากแสงแดดหน้าร้อน ผสมกับฝนกรด (มักเกิดในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง หรือในย่านที่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม) สลับกันไปมา ทั้งสองอย่างนี้มีอานุภาพทำให้สีรถเสื่อมความสดใสได้ทั้งคู่ เมื่อมาพร้อมๆ กัน ก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ว่าสีรถจะซีด หรือด่าง เสียหายได้เร็วยิ่งขึ้น เว้นแต่มีการลง น้ำยาเคลือบแก้ว สร้างชั้นฟิล์มไว้ป้องกัน ก็จะชะลอความเสียหายได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากมีการผสมสารต่อต้านรังสี UV และ ด้วยความที่ชั้นเคลือบมันเป็นสารประเภทเดียวกับ “แก้ว” ทำให้กรดด่างไม่สามารถกัดกร่อนมันได้ รถที่ผ่านการทำ เคลือบแก้ว มาจึง ปลอดภัย รักษาความสวยสดของสีได้นานกว่า
- เกิดสนิมทำลายสีรถ เรื่องนี้เกิดจากความชื้นจากน้ำฝน ไปโดนเข้ากับรถที่มีรอยขีดข่วนลึก ทำให้ความชื้นซึมลงไปโดนเนื้อเหล็กได้ ความชื้นก็จะทำให้เกิดสนิม ทำให้เกิดความเสียหาย บางที่มันเข้าไปทำลายชั้นเนื้อของโลหะ จนเกิดการกัดกร่อนโป่งพองออกมา ตัวถังรถถึงขั้นผุพังได้เลยทีเดียว
- เกิดปัญหาสีกะเทาะหลุดร่อน ส่วนมากเกิดจาก การที่รถของเราได้รับความร้อนจากแสงแดดเป็นเวลานาน จู่ๆ เกิดมีน้ำฝนเย็นๆ ตกลงมากระทบ มีผลต่อสภาพของพื้นผิวสี ในรถที่ไปทำสีมาใหม่ ด้วยสีที่ไม่ได้มีคุณภาพสูงนัก อาจเกิดการแตกร้าวหลุดร่อนได้ง่ายจากการขยายและหดตัวของตัวถังรถที่เป็นโลหะ
ปัญหาสีรถเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับรถทั้งเก่าและใหม่ ตามสภาพสี การปกป้อง และการดูแลรักษา วิธีป้องกันที่ดีมากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ การทำ เคลือบแก้ว เพื่อสร้างชั้นฟิล์มปกป้องสีผิวของรถเอาไว้ ก็จะช่วยให้รถของเราปลอดภัย สวยได้นาน แต่ในกรณีที่ยังไม่ได้ผ่านการลง น้ำยาเคลือบแก้ว ก็อาจจะต้องขยันหน่อย ถ้าฝนตกต้องรีบเอาไปล้างและเช็ดให้แห้งทั่วคันให้เร็วที่สุด ซึ่งวิธีนี้ก็ดูจะเหนื่อยสักหน่อย หากเทียบกับการทำ เคลือบแก้วรถยนต์ เอาไว้
ดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์น้ำยาเคลือบแก้วของ Armor เพิ่มเติม
หรือ
คลิก เพื่อติดต่อผู้ให้บริการมาตรฐานของเราใกล้บ้านคุณ